วันจันทร์ที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2552

TMB ปรับลดอัตราดอกเบี้ยทั้งเงินกู้และเงินฝาก


การปรับลดดังกล่าว ทำให้อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลดลง 0.25% ในทุกประเภท โดยอัตราดอกเบี้ยสำหรับลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี ประเภทเงินกู้แบบมีระยะเวลา หรือ MLR จาก 7.00% ต่อปี ลดลงเป็น 6.75% ต่อปี อัตราดอกเบี้ยสำหรับลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี ประเภทเงินเบิกเกินบัญชี หรือ MOR จาก 7.50% ต่อปี ลดลงเป็น 7.25 % ต่อปี และอัตราดอกเบี้ยสำหรับลูกค้ารายย่อยชั้นดี หรือ MRR จาก 7.75% ต่อปี ลดลงเป็น 7.50% ต่อปี


สำหรับอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำทั่วไป ธนาคารได้พิจารณาการปรับลดลง 0.35% – 0.50% โดยเงินฝากประจำ 3 เดือน ปรับลดจากจาก 1.50% ต่อปี เป็น 1.10% ต่อปี เงินฝากประจำ 6 เดือน ลดลงจาก 1.75% ต่อปี เป็น 1.40% ต่อปี เงินฝากประจำ 12 เดือน ลดจาก 1.75% ต่อปี เป็น 1.25% ต่อปี ส่วนเงินฝากประจำประเภท 24 และ 36 เดือน อัตราดอกเบี้ยใหม่ลดลงจาก 2.50% เป็น 2.00% ต่อปี



เงินฝากประจำสายสัมพันธ์ ประเภท 3 เดือน ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงจาก 1.75% ต่อปีเป็น 1.375% ต่อปี ประเภท 6 และ 12 เดือน ลดอัตราดอกเบี้ยจาก 1.75% ต่อปี เป็น 1.50% ต่อปี ประเภท 24 เดือน ปรับลดอัตราดอกเบี้ยจาก 2.50% ต่อปี เป็น 2.25% ต่อปี ส่วนประเภท 36 เดือน ลดลง จาก 2.50% ต่อปี เป็น 2.00% ต่อปี



เงินฝากประจำสะสมทรัพย์ 24 เดือน ไม่เสียภาษี อัตราดอกเบี้ยลดลงจาก 2.75% ต่อปี เป็น 2.25% ต่อปี และ เงินฝากประจำอัตราดอกเบี้ยลอยตัว TMB Floating Time Deposit ประเภท 12 เดือน ลดอัตราดอกเบี้ยจาก 2.00% ต่อปี เป็น 1.50% ต่อปี ส่วนประเภท 24 และ 36 เดือน ลดลงจาก 2.75% ต่อปี เป็น 2.25% ต่อปี
สำหรับบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ทั่วไปนั้น TMB ยังคงอัตราดอกเบี้ย 0.75% ต่อปี ไว้ แต่อย่างไรก็ตาม หากเป็นลูกค้าบุคคลใหม่ของธนาคารที่เปิดบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ตั้งแต่ 10,000 บาท ขึ้นไป หรือเป็นลูกค้าบุคคลเดิมที่มียอดเงินฝากในบัญชีออมทรัพย์ทั่วไปเท่ากับ 0 บาท ก่อนวันที่ 1 ต.ค. 2551 ที่ผ่านมา และฝากเพิ่มตั้งแต่ 10,000 บาท ขึ้นไป ตามโครงการเงินฝากออมทรัพย์ TMB Lion Savings จะได้รับอัตราดอกเบี้ยพิเศษเพิ่มเป็น 1.75% ต่อปี ในช่วง 4 เดือนแรก ทั้งนี้ โครงการดังกล่าวเปิดให้ลูกค้าฝากได้ จนถึงสิ้นเดือนมกราคมนี้เท่านั้น

ข้าวกล้องหอมมะลิเสริมสุขภาพกาบา-ไรซ์


พัชรี ตั้งตระกูล นักวิจัยจากสถาบันค้นคว้าและพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหาร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กล่าวว่า คณะวิจัยได้รับทุนสนับสนุน จากสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ให้ศึกษาเรื่องการใช้ประโยชน์จากคัพภะ (ส่วนที่รากจะงอก) ข้าวและข้าวกล้องงอกเป็นอาหารสุขภาพเพื่อเพิ่มมูลค่า (Utilization of Rice Germ and Germinated Brown Rice for Health Food Products) เพื่อศึกษาปัจจัยการผลิต สายพันธุ์ข้าวและสภาวะการเก็บเกี่ยวที่เหมาะสม พัฒนากรรมวิธีการผลิตข้าวกล้องงอกที่มี GABA สูง (GABA enriched-rice) จากข้าวสายพันธุ์ต่างๆ และนำมาพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์อาหารสุขภาพ
จากผลงานวิจัยพบว่า ในคัพภะข้าวเจ้า มี GABA สูงสุดในข้าวขาวดอกมะลิ 105 (37.2 มิลลิกรัมต่อ 100 กรัม) ส่วนข้าวเหนียวพบ GABA สูงสุดในพันธุ์ R 258 (72.8 มิลลิกรัมต่อ 100 กรัม) ข้าวกล้องงอกจากพันธุ์ข้าวขาวดอกมะลิ 105 จะให้ปริมาณ GABA สูงกว่าข้าวพันธุ์อื่น ซึ่งจากการศึกษาประโยชน์ของข้าวกล้องเพื่อการบริโภคที่ได้ประโยชน์สูงสุดทำให้ทราบว่า "ข้าวกล้อง" ซึ่งประกอบด้วยจมูกข้าว มีสารอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายจำนวนมาก อาทิ ใยอาหาร กรดไฟติก (Phytic acid) กรดเฟรูลิก (Ferulic acid) วิตามินบีและอี และ GABA (กรดแกมมา แอมิโนบิวทิริก (Aminobutyric acid, GABA) ซึ่งช่วยป้องกันโรคต่างๆ ได้ เช่น โรคมะเร็ง เบาหวาน และช่วยในการควบคุมน้ำหนักตัว
ล่าสุดสำนักคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ, สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ, สถาบันค้นคว้าและพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหาร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ จับมือ อินโนฟู้ด(ไทยแลนด์) ผลิตข้าวกล้องงอกหอมมะลิเสริมสุขภาพ มาบุญครอง พลัส นูทรา กาบาไรซ์ (Nutra GABA Rice) ออกจำหน่ายเป็นเจ้าแรก พร้อมเปิดตลาดทั้งในและต่างประเทศ
ส่วนตลาดในประเทศไทยนั้น ถือว่ายังอยู่ในช่วงเริ่มต้นคงต้องมีการเผยแพร่และให้ความรู้ในเรื่องประโยชน์ของสารกาบาในข้าวกล้องงอกหอมมะลิเสริมสุขภาพ มาบุญครอง พลัส นูทรา กาบาไรซ์ อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในเรื่องของปริมาณสารกาบาที่อยู่ในเมล็ดข้าวที่ถือว่าเป็นหัวใจสำคัญ เพราะต้องมีปริมาณสารกาบาสูงกว่าข้าวกล้องปกติอย่างน้อย 10-15 เท่า ร่างกายจึงสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้อย่างเต็มที่ สำหรับปริมาณสารกาบาใน ข้าวกล้องงอกหอมมะลิเสริมสุขภาพ มาบุญครอง พลัส นูทรา กาบาไรซ์ นั้น ได้รับการรับรองและตรวจสอบปริมาณสารกาบาอย่างเข้มงวดตามมาตรฐานการควบคุมคุณภาพจากสถาบันค้นคว้าและพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหาร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
ซึ่งประโยชน์ของสารกาบาในข้าวกล้องงอกหอมมะลิเสริมสุขภาพ มาบุญครอง พลัส นูทรา กาบาไรซ์ นั้น เป็นสารสื่อประสาทที่ช่วยลดความตึงเครียด ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย นอนหลับได้ดี ช่วยรักษาสมดุลและชะลอความเสื่อมของสมอง ทั้งยังช่วยกระตุ้นต่อมที่ผลิต Growth Hormone (HGH) ที่ช่วยสร้างเนื้อเยื่อและกล้ามเนื้อ ทำให้กล้ามเนื้อกระชับ ป้องกันการเกิดริ้วรอย โดยในทางการแพทย์มีการนำสารกาบาไปใช้เป็นยาและรักษาโรคระบบประสาทหลายโรค อาทิ โรควิตกกังวล นอนไม่หลับ ลมชัก นอกจากนี้หากได้รับสารกาบาอย่างต่อเนื่องและเพียงพอจะช่วยให้ระดับความดัน คอเลสเตอรอล ไตรกลีเซอไรด์ และน้ำตาลในเลือดลดลง ช่วยให้นอนหลับได้ดีขึ้น ช่วยให้การทำงานของร่างกายในกลุ่มผู้สูงอายุเป็นไปได้ปกติ ทั้งยังช่วยควบคุมน้ำหนักและมีรายงานการวิจัยพบว่าสารกาบา สามารถป้องกันการเกิดโรคอัลไซเมอร์ พาร์กินสัน และลดการเกิดเซลล์มะเร็งได้

วันศุกร์ที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2552

YORKสู้ศึกเครื่องปรับอากาศช่วงหน้าร้อน ปี 2552

นายสิทธิศักดิ์ ผาณิตพจมาน ผู้จัดการฝ่ายเครื่องปรับอากาศขนาดเล็กและธุรกิจสาขา บริษัท จอห์นสัน คอนโทรลส์ อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ทำตลาดเครื่องปรับอากาศ ภายใต้แบรนด์"ยอร์ค" (YORK)เปิดเผยว่า ช่วงหน้าร้อนซึ่งถือเป็นช่วงของการขายสินค้าเครื่องปรับอากาศที่มีการแข่งขันทางด้านราคาสูงหรือไฟท์ติ้ง แบรนด์ ทางบริษัทมีแผนจะลดราคาสินค้าให้เท่ากับราคาต้นทุนเดิมในปี 2551 ก่อนปรับราคาขายขึ้นไป 10% จากต้นทุนที่สูงขึ้น สำหรับตลาดรวมเครื่องปรับอากาศในปี 2551 ไม่มีการเติบโตเลย โดยมีมูลค่ากว่า 10,000 ล้านบาท ส่วนแนวโน้มตลาดรวมปี 2552 นี้ คาดว่าจะไม่มีการเติบโตเช่นเดียวกัน ขณะที่กลุ่มไฟท์ติ้ง แบรนด์ บริษัทเชื่อว่าอาจจะเติบโตในอัตราติดลบ เพราะปัจจัยลบที่เห็นอยู่คือ ผู้บริโภคควบคุมการใช้จ่ายมากขึ้น ทิศทางตลาดเครื่องปรับอากาศจึงมีแนวโน้มการแข่งขันสูงมาก โดยเฉพาะสินค้าในกลุ่มไฟท์ติ้ง แบรนด์ ซึ่งหลายแบรนด์จะลดราคาสินค้าเท่าต้นทุนเดิมก่อนปรับราคาขึ้นแน่นอน

นอกจากนี้บริษัทจะให้ความสำคัญในการรุกกลุ่มเป้าหมายระดับบนที่มีกำลังซื้อสูงมากขึ้น เนื่องจากคาดการณ์ว่าตลาดระดับพรีเมี่ยมในปี 2552 ยังเติบโตได้ โดยในเดือนกุมภาพันธ์บริษัทมีแผนจะเปิดตัวเครื่องปรับอากาศนวัตกรรมใหม่ "ยอร์ค ดิจิตอล สครอล-โฮม อิดิชั่น"(YORK Digital Scroll-Home Edition) สำหรับใช้ภายในบ้านราคาประมาณ 300,000 บาท ถือเป็นสินค้าไฮไลท์ของบริษัทในปี 2552 ส่วนแผนการทำตลาดในปี 2552 นั้น จากภาวะเศรษฐกิจที่ไม่ดีนัก ทำให้บริษัทเตรียมใช้งบประมาณ 35 ล้านบาท เท่ากับปี 2551 ในการทำการตลาดและประชาสัมพันธ์ เพื่อสร้างแบรนด์ "ยอร์ค"ให้เป็นที่รับรู้แก่ผู้บริโภคมากขึ้น พร้อมกันนี้เตรียมงบประมาณอีก 4 ล้านบาท ในการสร้างโชว์รูม 6 แห่ง เพื่อให้ลูกค้ารู้จักมากขึ้น เพราะภายใน 3 ปีข้างหน้า บริษัทตั้งเป้ายอดขายจากตลาดบ้าน 50% และจากลูกค้าโครงการอีก 50% จากปัจจุบันสัดส่วนยอดขายหลักมาจากลูกค้าโครงการ 70%

นายสิทธิศักดิ์ กล่าวว่า ในส่วนของภาคการผลิตสินค้า ได้มีการรวมศูนย์การผลิตในประเทศจีน มาเลเซีย และออสเตรเลีย ซึ่งบริษัทจะมีการนำสินค้าจากประเทศเหล่านั้นมาประกอบเองด้วย และมีการผลิตในประเทศไทยบางส่วน

วันอังคารที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2552

TMB ทำกำไรและโชว์ศักยภาพในการสร้างรายได้ ในปี 2551


นายบุญทักษ์ หวังเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) หรือ TMB เปิดเผยว่า การดำเนินงานของธนาคารและบริษัทย่อยในปี 2551 มีผลกำไรสุทธิก่อนการสอบทานรวม 424 ล้านบาท เมื่อเทียบกับผลประกอบการขาดทุน 43,677 ล้านบาท ในปี 2550ผลกำไรดังกล่าวสะท้อนถึงศักยภาพในการสร้างรายได้ของธนาคาร ในปี 2551 ธนาคารมีรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น 6% จากปี 2550 มาเป็น 7,014 ล้านบาท แม้ว่า ในปี 2551 ทั้งปี ยอดเงินฝากของธนาคารลดลง 3% เมื่อเทียบกับ ณ สิ้นปี 2550 แต่สำหรับไตรมาสที่ 4 เพียงไตรมาสเดียว เงินฝากของธนาคารเพิ่มขึ้น 4% หรือ 16,800 ล้านบาท โดยส่วนใหญ่เป็นส่วนของเงินฝากคุณภาพ คือ เงินฝากออมทรัพย์และกระแสรายวัน ซึ่งมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นเป็น 39% ของยอดเงินฝากทั้งหมด ณ สิ้นไตรมาสที่ 4 เมื่อเทียบกับ 37% ในไตรมาสที่ 3 ของปีเดียวกัน
ปี 2551 นอกจากจะเป็นปีแรกในรอบทศวรรษที่ TMB พลิกฟื้นจากการขาดทุนมาเป็นมีกำไรแล้ว ธนาคารยังมีพัฒนาการที่ดีในการสร้างรายได้ และเป็นปีแห่งการพัฒนาทั้งทางด้านความแข็งแกร่งด้านการเงิน การบริหารจัดการความเสี่ยง การจัดการภายใน และเร่งมือในการรุกทางธุรกิจ เพื่อการเติบโตอย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง

กลุ่ม “YLG” ผู้นำค้าส่งทองคำรายใหญ่ ขยายฐานรุกตลาดดันบริษัทในเครือเต็มพิกัด เปิดบริการรองรับ “โกลด์ฟิวเจอร์ส


นางพวรรณ์ นววัฒนทรัพย์ รองประธานกรรมการ บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (YLG BULLION INTERNATIONAL) เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาบริษัทฯ เป็นผู้นำตลาดค้าส่งทองคำแท่งรายใหญ่ระดับประเทศ ซึ่งมีการจำหน่ายให้กับลูกค้ารายใหญ่ และร้านค้าทองคำทั่วประเทศ โดยปีที่ผ่านมามีการขายทองคำแท่งมูลค่ารวมกว่า 120,000 กิโลกรัม ซึ่งปัจจุบันบริษัทฯ ได้วางกลยุทธ์ที่จะขยายตลาดไปยังกลุ่มลูกค้าปลีกระดับพรีเมี่ยม เพื่อต่อยอดการบริการแก่ลูกค้าอย่างครบวงจรยิ่งขึ้น ล่าสุดเปิดให้บริการลงทุนในทองคำแท่ง 99.99% ที่มีน้ำหนักตั้งแต่ 1 กิโลกรัมขึ้นไป สำหรับกลุ่มลูกค้าระดับพรีเมี่ยม พร้อมกันนี้บริษัทฯ กำลังขยายฐานการให้บริการสู่ธุรกิจการลงทุนในสัญญาซื้อขายทองคำล่วงหน้า (Gold Futures) ในตลาดอนุพันธ์ (TFEX) โดยมีการจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทวายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG BULLION & FUTURES) ขึ้น ขณะนี้อยู่ในช่วงการดำเนินการขออนุมัติจากทางสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และเป็นสมาชิกบริษัทตลาดอนุพันธ์ (ประเทศไทย) จำกัด รวมถึงสำนักหักบัญชี ในการเป็นผู้ดำเนินการเกี่ยวกับการเป็นตัวแทนซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าเกี่ยวกับทองคำ คาดว่าจะสามารถเปิดดำเนินการได้ในเดือนมีนาคมนี้อย่างแน่นอน


“การปรับกลยุทธ์การให้บริการลงทุนทองคำไปยังกลุ่มลูกค้าปลีกระดับพรีเมี่ยมของกลุ่ม YLG BULLION INTERNATIONAL ครั้งนี้ เนื่องจากช่วงที่ผ่านมาแนวโน้มราคาทองคำมีการปรับตัวที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่การลงทุนในตลาดอื่นๆ อาทิ หลักทรัพย์ อสังหาริมทรัพย์ และอัตราดอกเบี้ยในประเทศ มีความผันผวนจากปัจจัยทางเศรษฐกิจ รวมถึงมีแนวโน้มอัตราผลตอบแทนที่ลดลง ทำให้มีลูกค้าและนักลงทุนหันมาสนใจลงทุนตลาดทองคำเป็นจำนวนมาก ดังนั้นบริษัทฯ จึงได้ขยายฐานการลงทุนสู่กลุ่มลูกค้าปลีกในระดับพรีเมี่ยม ด้วยการให้บริการลงทุนทองคำแท่งที่มีขนาด 1 กิโลกรัมขึ้นไป รวมถึงการขยายฐานการให้บริการลงทุนแก่ผู้ลงทุนทั่วไปผ่านตลาดโกลด์ฟิวเจอร์ ที่กำลังจะเปิดในเร็วๆ นี้ด้วย ทั้งนี้เชื่อมั่นว่าการปรับกลยุทธ์ทางการตลาดนี้ จะช่วยขยายฐานลูกค้าได้มากขึ้น รวมถึงสามารสร้างรายได้จากค่าธรรมเนียมในทองคำล่วงหน้าให้กับบริษัทเพิ่มขึ้นอีกทางหนึ่งด้วย” นางพวรรณ์ กล่าว
นางสาวฐิภา นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ จำกัด กล่าวเสริมว่า ขณะนี้ บริษัทฯ อยู่ในช่วงการทดสอบความพร้อมในทุกๆ ด้าน เพื่อจะรองรับการเปิดให้บริการซื้อขายสัญญาลงทุนทองคำล่วงหน้า ซึ่งที่ผ่านมาบริษัทฯ มีการจดทะเบียนเป็นมูลค่ากว่า 100 ล้านบาท และลงทุนพัฒนาระบบคอมพิวเตอร์และเครือข่ายการให้บริการเป็นมูลค่ากว่า 30 ล้านบาท มีการจัดเตรียมความพร้อมในด้านเอกสารสัญญาต่างๆ มีการอบรมความรู้ให้กับนักวิเคราะห์ รวมถึงเจ้าหน้าที่เพื่อให้คำแนะนำและรองรับการให้บริการแก่ผู้ลงทุนอย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้คาดว่าขั้นตอนการตรวจสอบและทดสอบระบบทั้งหมด จะแล้วเสร็จสมบูรณ์ พร้อมที่จะรองรับการให้บริการด้านการลงทุนทองคำกับ TFEX ภายในสิ้นเดือนมีนาคมนี้อย่างแน่นอน สำหรับผู้สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 02 287 2255 หรือ www.ylgbullion.com


“ บริการด้านโกลด์ฟิวเจอร์สของวายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส เป็นการขยายโอกาสในการดำเนินธุรกิจด้านทองคำให้กับกลุ่มวายแอลจี ให้มีเครือข่ายการให้บริการที่ครอบคลุมด้านการลงทุนทองคำที่ครบวงจรมากยิ่งขึ้น เนื่องจากสัญญาการซื้อขายโกลด์ฟิวเจอร์สจะอ้างอิงการซื้อขายทองคำเทียบน้ำหนัก 50 บาท ซึ่งสามารถรองรับการลงทุนทั้งกลุ่มลูกค้ารายใหญ่ ไปจนถึงร้านค้าปลีกทองคำเพื่อใช้ในด้านการบริหารจัดการด้านความเสี่ยงในธุรกิจ อันอาจจะเกิดขึ้นจากราคาทองคำในตลาดโลกมีความผันผวนได้ รวมถึงเป็นการเพิ่มทางเลือกให้กับนักลงทุนรายย่อย ให้สามารถลงทุนกับสัญญาซื้อขายทองคำด้วยงบประมาณที่ไม่สูงมาก เมื่อเทียบกับการลงทุนซื้อทองคำแท่งโดยตรงด้วย

ธนาคารนครหลวงไทยร่วมจัดกิจกรรมเนื่องในเทศกาลตรุษจีน ปี 2552


นายชัยวัฒน์ อุทัยวรรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารนครหลวงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ธนาคารร่วมจัดกิจกรรมเนื่องในเทศกาลตรุษจีนปี 2552 โดยมอบของกำนัลให้กับลูกค้าและผู้มีอุปการคุณที่ทำธุรกรรมกับสาขาของธนาคารใน 4 ภาค ที่เป็นแหล่งธุรกิจที่มีพี่น้องชาวไทยเชื้อสายจีนอาศัยอยู่เป็นส่วนใหญ่ รวม 35 สาขาทั่วประเทศ โดยลูกค้าจะได้รับฟรี "แก้วน้ำ SCIB" ทันที เมื่อเลือกใช้บริการประกันชีวิตทุกประเภท หรือเปิดบัญชีเงินฝากตั้งแต่ 5,000 บาท ขึ้นไป หรือขอใช้บริการสินเชื่อในกรณีที่ส่งเอกสารครบถ้วน นอกจากนี้ ธนาคารยังมอบของกำนัลเป็น "ปากกา SCIB" หรือ "ซองอั่งเปา" (จำนวนจำกัด) ที่จัดพิมพ์ด้วยลวดลายที่เป็นสิริมงคลและคำอวยพร คือ "ยิก-จิง-บ่วง-กิม" ที่แปลว่า "ขอให้มั่งคั่ง ร่ำรวยทุก ๆ วัน และคำว่า "เจียว-ใช้-จิง-ป้อ" ที่หมายถึง "เงินทองไหลมาเทมา" มอบให้สำหรับลูกค้าที่ร่วมทำธุรกรรมกับธนาคารทุกรายการอีกด้วย ทั้งนี้ เพื่อเป็นการกระชับความสัมพันธ์อันดีระหว่างลูกค้ากับธนาคารในเทศกาลที่มีความสำคัญของชาวจีนซึ่งนับเป็นกลุ่มลูกค้าที่มีความใกล้ชิดกับสาขาของธนาคารนครหลวงไทยมาอย่างยาวนานเป็นพิเศษ

สำหรับสาขาที่ร่วมจัดกิจกรรมเนื่องในเทศกาลตรุษจีนทั้ง 35 สาขา ทั่วประเทศ ประกอบด้วย สาขาในเขตกรุงเทพฯ จำนวน 12 สาขา ได้แก่ สาขาสำเพ็ง สาขาเยาวราช สาขาเทียนกัวเทียน สาขาย่อยเจริญกรุง สาขาสามแยก สาขาราชวงศ์ สาขาเล่งเน่ยยี่ สาขาเซ็นทรัลเวิล์ดพลาซ่า สาขาสยามสแควร์ สาขาราชดำริ และสาขาประตูน้ำ ภาคกลางจัดขึ้นในจังหวัดนครสวรรค์ 3 สาขา ได้แก่ สาขาปากน้ำโพ สาขานครสวรรค์ และสาขาย่อยหนองเบน ภาคเหนือจัดขึ้นในจังหวัดเชียงใหม่ 4 สาขา ได้แก่ สาขาเชียงใหม่ สาขาถนนช้างคลาน สาขาถนนข่วงสิงห์ และสาขาสันป่าข่อย ภาคตะวันออกจัดขึ้นในเขตเมืองพัทยา 4 สาขา ได้แก่ สาขาพัทยา สาขาย่อยหาดพัทยาเหนือ สาขาย่อยตึกคอมพัทยา และสาขาย่อยพัทยากลาง ภาคใต้จัดขึ้นในจังหวัดภูเก็ต 5 สาขา ได้แก่ สาขาภูเก็ต สาขาถนนมนตรี สาขาหาดกะรน สาขาหาดป่าตอง และสาขาถลาง สาขาในเขตอำเภอหาดใหญ่ 3 สาขา ได้แก่ สาขาหาดใหญ่ สาขาถนนนิพัทธ์อุทิศ 1 และสาขาย่อยลีการ์เดนส์ พลาซ่า ส่วนภาคตะวันออกเฉียงเหนือจัดขึ้นในจังหวัดนครราชสีมา 4 สาขา สาขา ได้แก่ สาขานครราชสีมา ถนนสุรนารี สาขาถนนมิตรภาพ และสาขาสามแยกปักธงชัย

วันจันทร์ที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2552

APF ไม่หวั่นวิกฤติเศรษฐกิจ เปิดตัวสถาบันเทนนิสมาตรฐานโลก


นายมิทซึจิ โคโนชิตะ ประธานกรรมการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Asia Partnership Fund Group (APF Group) กล่าวถึง สถานการณ์การลงทุนในปัจจุบันของเอพีเอฟกรุ๊ป ว่า ยังเหมือนเดิมจากเดิมที่ได้แถลงไว้เมื่อเดือนตุลาคม 2551 ที่ผ่านมา แม้จะได้รับผลกระทบในภาพรวมบ้าง แต่ก็ไม่มาก และยังคงเน้นลงทุนอย่างต่อเนื่องต่อไป โดยขณะนี้มีดีลที่รอสรุปอยู่ประมาณ 2 ดีล
"การที่เงินเยนแข็งค่าถือเป็นโอกาสที่ดีในการลงทุน แต่ในสถานการณ์แบบนี้ เราค่อนข้างเลือกที่จะลงทุนโดยเราต้องใช้ความละเอียด รอบคอบมากกว่าเดิม แต่ในแง่ของนักลงทุนที่มาร่วมลงทุนกับ เอพีเอฟ กรุ๊ป ยังคงไว้วางใจ และให้เราดูพอร์ตลงทุนให้เหมือนเดิม ซึ่งเราเน้นลงทุนในอาเซียน รวมทั้งประเทศไทย เพราะยังมั่นใจศักยภาพในภูมิภาคนี้ว่าในระยะยาวยังจะให้ผลตอบแทนที่ดีต่อผู้ลงทุน"
สำหรับธุรกิจกีฬา เอพีเอฟกรุ๊ปมองเห็นความสำคัญด้านสุขภาพของคน ซึ่งถือเป็นทรัพยากรที่มีค่า และมีส่วนช่วยในการผลักดันให้ธุรกิจก้าวเดินอย่างมั่นคง ล่าสุดเปิดสถาบันสอนเทนนิส “เอพีเอฟ โดม” ภายใต้การบริหารจัดการของ “APF Academies” ในเมืองไทยอย่างเป็นทางการ หนึ่งในธุรกิจของบริษัท ซันวา เอเชีย ลิงค์ จำกัด ซึ่งทำธุรกิจบริหารจัดการสถาบันฝึกสอนกีฬาเทนนิสในประเทศไทย ถือเป็นการย้ำจุดยืน ที่ต้องการเห็นการเล่นกีฬาอย่างถูกต้อง ทั้งในแง่ของทักษะการเล่น และวิทยาศาสตร์การกีฬา โดยจุดเด่นของที่นี่เป็นสถาบันสอนเทนนิสในร่มแห่งแรกในประเทศไทย ที่ใช้มาตรฐานเดียวกับสนามที่ใช้ในการแข่งขันเทนนิส US. Open ที่สหรัฐอเมริกา โดยสนามเป็นแบบฮาร์ดคอร์ท (Hard Court) พื้นผิว “Plexipave” ซึ่งถือเป็นพื้นของสนามเทนนิสที่ดีที่สุดในกรุงเทพฯในขณะนี้ โดยจุดเด่นของพื้นสนาม ‘Plexipave’ จะทำให้ผู้เล่นสามารถกำหนดและกะระยะทิศทางการกระดอนของลูกได้ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้ สีพื้นของสนามยังมีความคงทนสูง ไม่ซีดจาง แม้จะใช้ไปในระยะเวลานาน
"เราอยากเห็นการเล่นของนักกีฬา ด้วยวิธีการเล่นที่ถูกต้อง ที่ผ่านมาเราจะเห็นว่านักกีฬาในประเทศญี่ปุ่นมีการพัฒนาการในทางที่ดีขึ้นมาโดยตลอด เพราะเราคำนึงถึงคนมากกว่าสิ่งอื่น ไม่ว่าจะเป็นเด็ก หรือเยาวชน จนถึงผู้ใหญ่ เราต้องการให้เขาเล่นกีฬาอย่างสนุก มีความสุข ร่างกายแข็งแรง ด้วยโปรแกรมการเล่น เรียน ซ้อม ที่ถูกต้องและเหมาะสม"
ปัจจุบัน APF Academies มีโปรแกรมหลักสูตรอันหลากหลายสำหรับผู้ที่กำลังเริ่มหัดเล่นเทนนิส (BEGINNER CLASS) จนถึงขั้นเข้าแข่งขัน (TOURNAMENT CLASS) ผู้เรียนจะได้เรียนรู้ทักษะและเทคนิคการเล่นต่างๆ อย่างลึกซึ้ง หลักสูตรต่างๆ สามารถตอบสนองความต้องการของผู้เล่นทุกระดับ นอกจากนี้จุดแข็งอีกข้อของสถาบันเรา คือเราสร้างสถาบันสอนเทนนิสในร่ม ซึ่ง


จะมีส่วนช่วยในการสร้างบรรยากาศที่เหมาะแก่การเล่นเทนนิสให้กับผู้เล่นได้ ตัวอย่างเช่น ผู้เล่นเทนนิสสามารถเล่นเทนนิสในช่วงเวลาใดก็ได้ตามที่ต้องการ และไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับสภาวะแวดล้อมทางอากาศที่อาจเกิดขึ้นได้ทุกขณะ เช่น ฝนตก เป็นต้น
"เราได้เตรียมโปรแกรมหลักสูตรการฝึกซ้อมมากมายและมีลักษณะเฉพาะที่ถูกคิดค้นและวางแผนการสอนโดยอดีตแชมป์เทนนิสของประเทศญี่ปุ่น นายฮิเดกิ คาเนโกะ ซึ่งเคยได้เหรียญเงินในการแข่งขันกีฬาเอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 13 ที่เมืองไทยเป็นเจ้าภาพในปี พ.ศ. 2541 และยังเป็นนักเทนนิสติดอันดับ 200 ของเอทีพีทัวร์ ปี พ.ศ. 2539 ซึ่งเป้าหมายของ APF Academies ไม่ได้จำกัดเพียงแค่ต้องการสร้างสุดยอดนักกีฬาเทนนิสเท่านั้น แต่ยังสอนเทนนิสให้กับผู้ที่สนใจทั่วไป เราจึงได้จัดเตรียมหลักสูตรการเรียนเทนนิสแบบเร่งรัด นอกจากนี้ เรายังสร้างสังคมเทนนิส (Social Tennis)โดยจัดเตรียมสถานที่สำหรับนักเทนนิส หรือบุคคลที่สนใจมาร่วมพบปะ สังสรรค์ แลกเปลี่ยนประสบการณ์ สร้างเพื่อนใหม่ และพัฒนาตัวเองในการเข้าสังคมอีกด้วย"
นายมิทซึจิ กล่าวว่า คอร์สสำหรับเยาวชน (JUNIOR LESSON) ถือว่าน่าสนใจเช่นกัน เพราะได้เตรียมโปรแกรมหลักสูตร โดยมีพื้นฐานมาจากหลักการสามข้อ คือ “ปฏิสัมพันธ์” “กฎระเบียบ” และ “ความพยายาม” เพื่อต้องการสร้างนักเทนนิสที่ดี เช่นเดียวกันกับการช่วยให้นักเรียนทำในสิ่งที่ต้องการให้ประสบความสำเร็จในชีวิต ซึ่งเป้าหมายของ APF Academiesไม่เพียงแค่สร้างนักเทนนิสที่ดี แต่ต้องการสร้างบุคลากรที่มีคุณภาพให้แก่สังคม
"การเล่นเทนนิสเพื่อเข้าสังคม เรามีกลุ่มคนที่เล่นกีฬาเทนนิส ไม่ว่าจะเป็นสมาชิกของสถาบันของเรา หรือบุคคลภายนอก ผู้ฝึกสอนและผู้เล่นเทนนิสระดับมืออาชีพ จะมารวมตัวกันเพื่อเล่นเทนนิสร่วมกันเป็นประจำทุกๆ บ่ายวันเสาร์ เป็นเวลาสองชั่วโมง ไม่ว่าฝีมือจะอยู่ในระดับใดก็ตาม ผู้เล่นทุกคนสามารถเพลิดเพลินกับการซ้อมซึ่งมีพื้นฐานมาจากหลักการอันเป็นเอกลักษณ์ของเราและลักษณะการเล่น กลุ่มคนเหล่านี้ยังสามารถสนุกสนานกับ TENNIS CLINIC จากนักเล่นเทนนิสระดับมืออาชีพและพยายามที่จะเอาชนะผู้ฝึกซ้อมของเราให้ได้ นี่คือเสน่ห์ที่เราต้องการให้เกิดขึ้นในสถาบันของเรา"
นอกจากนี้ ทางสถาบันฯ ยังได้เพิ่มความหลากหลายในการรองรับ ไลฟ์สไตล์ การออกกำลังกายของคนในกรุงเทพ โดย เปิด Fitness Studio เพื่อเปิดสอนการเต้นแบบ Hip Hop, Street Jazz, Salsa, Academic Kids รวมทั้งการออกกำลังกายแบบ Yoga และวางแผนเปิดหลักสูตรสอนภาษาอังกฤษ และ ภาษาญี่ปุ่นให้กับคนไทยในอนาคตอันใกล้นี้
“ทางสถาบัน ยังมีการวางแผนที่จะทำ TENNIS TOUR ที่ถือเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของที่นี่เช่นกัน โดยการเชิญชวนผู้เล่นที่ไม่ใช่แค่เพียงระดับมืออาชีพ และรุ่นเยาวชนเท่านั้น แต่จะเชิญชวนผู้เล่นทั่วไปจากต่างประเทศ เช่น กลุ่มนักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นที่มีความสนใจในการเล่นกีฬาเทนนิส ให้มาเที่ยวชมเมืองไทยไปพร้อมๆ กัน รวมทั้งได้มีโอกาสพบปะพูดคุติดต่อสถาบันเทนนิส APF Academies
โทร. 0-2665-6278 , 081-901-6843 Fax. 0-2665-6280ยแลกเปลี่ยนกับผู้ที่ชื่นชอบกีฬาเทนนิสจากประเทศสิงคโปร์ ไทย และชาติอื่นๆ อีกด้วย” นายมิทซึจิ กล่าวในที่สุด

วันอาทิตย์ที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2552

โรงแรมแพน แปซิฟิค กรุงเทพPan Pacific Bangkok Walk 4 Women 2009 เดินเพื่อผู้หญิง หลีกเลี่ยงมะเร็งปากมดลูก


โรงแรมแพน แปซิฟิค กรุงเทพ ภูมิใจนำเสนอ โครงการ Pan Pacific Bangkok Walk 4 Women 2009 กิจกรรมเพื่อสังคมโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ความรู้ให้แก่ประชาชนโดยเฉพาะผู้หญิงเพื่อให้ตระหนักถึงความสำคัญของโรคมะเร็งปากมดลูกซึ่งในปัจจุบันได้คร่าชีวิตคนไทยไปแล้วประมาณ 3,100 รายต่อปี ซึ่งผู้ป่วยมะเร็งปากมดลูกในประเทศไทยส่วนใหญ่จะพบว่าเป็นโรคนี้ก็ต่อเมื่ออยู่ในระยะลุกลามซึ่งสายเกินไปที่จะรักษาได้ โอกาสในการรอดชีวิตจึงน้อยมาก อย่างไรก็ตามโรคมะเร็งปากมดลูกสามารถรักษาให้หายได้ถ้าตรวจพบในระยะเริ่มต้นและปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างถูกวิธี


โครงการ Pan Pacific Bangkok Walk 4 Women 2009 จะจัดขึ้น ณ สวนลุมพินี ในวันที่ 7-8 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2552 ตั้งแต่เวลา 7.45 น. เป็นต้นไป กิจกรรมภายในงานจะเปิดโอกาสให้ประชาชนทั่วไปและตัวแทนจากองค์กรต่างๆ เข้าร่วมการแข่งขันการเดิน 24 ชั่วโมง รอบสวนลุมพินี เป็นระยะเวลา 2 วัน โดยแบ่งประเภทผู้เข้าแข่งขันตามประเภทการแข่งขันและรุ่นอายุ อาทิ ผู้แข่งขันประเภทเดี่ยวบุคคลทั่วไป ประกอบด้วย ประเภทชาย-หญิง 18-29 ปี ประเภทชาย-หญิง 30-39 ปี ประเภทชาย 40-49 ปี ประเภทหญิง 40 ปีขึ้นไปและประเภทชาย 50 ปีขึ้นไป ผู้เข้าแข่งขันประเภทมหาสนุก ประกอบด้วย ประเภทชาย-หญิง และผู้เข้าแข่งขันประเภททีมบุคคลทั่วไป
บัตรเข้าร่วมงานแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่ ประเภทที่ 1 ราคา 500 บาท จะได้รับเสื้อยืดและสายรัดข้อมือของโครงการ และประเภทที่ 2 ราคา 1,000 บาท จะได้รับเสื้อยืด สายรัดข้อมือ กระเป๋า และสายรัดข้อเท้าเพื่อจับเวลาและระยะทางการเดิน (Time shipped) พร้อมอาหาร 3 มื้อ


กิจกรรมเดินมาราธอน 24 ชั่วโมงในครั้งนี้ผู้วิ่งสามารถวิ่งหรือเดินได้โดยไม่จำกัดระยะทาง ไม่ว่าจะเป็น 24 นาที , 2.4 ชั่วโมง หรือ 24 ชั่วโมง ในขณะเดียวกันผู้ชนะที่ได้รับการวัดผลการเดินจากสายรัดข้อเท้าที่สามารถเดินได้ระยะทางรวมมากที่สุด จะได้รับถ้วยรางวัลเกียรติยศพร้อมรางวัลอื่น ๆ อีกมากมาย
ภายในงานPan Pacific Bangkok Walk 4 Women 2009 นี้ยังมีการจัดนิทรรศการให้ความรู้และแนวทางการป้องกันเกี่ยวกับโรคมะเร็งปากมดลูก จากทางสถาบันมะเร็งแห่งชาติ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และการกีฬาแห่งประเทศไทย และการเปิดบูธกิจกรรมสันทนาการของบรรดาผู้สนับสนุนโครงการของภาคเอกชน อาทิ บริษัทไรมอนแลนด์ จำกัด บริษัท เจียเม้ง มาร์เกตติ้ง จำกัด หรือ ข้าวหงษ์ทอง บริษัทเสริมสุข จำกัด (มหาชน) หรือ เป๊ปซี่ โรงพยาบาลสมิติเวช นิตยสาร Who รายการผู้หญิงถึงผู้หญิง รายการเลิฟ แอนด์ แคร์ นอกจากนี้ ยังมีการเชิญแพทย์ผู้เชี่ยวชาญมาพูดคุยเรื่องการป้องกันตนเองอย่างไรให้ห่างไกลจากมะเร็ง การดูแลตนผู้ป่วยโรคมะเร็ง และร่วมฟังเรื่องราวให้กำลังใจจากนักร้องชื่อดังผู้เคยผ่านประสบการณ์การเป็นมะเร็งมาแล้วอย่าง หนุ่ย นันทกานต์ ที่จะชักชวนเพื่อนๆนักร้องอีกมากมาย อาทิ ลานนา คัมมินส์ , อิน บูโดกัน , โรส ศิรินทิพย์ , หนูและเมย์ Herspective มาร่วมกันแสดงพลังในมินิคอนเสิรต์ “ผู้หญิงเพื่อผู้หญิงร่วมใจ ห่างไกลมะเร็งปากมดลูก”
รายได้จากการจัดกิจกรรมหลังหักค่าใช้จ่ายทั้งหมด ของโครงการ Pan Pacific Bangkok Walk 4 Women 2009 ในครั้งนี้ จัดมอบให้แก่สถาบันมะเร็งแห่งชาติ เพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยมะเร็งปากมดลูก
ผู้สนใจสามารถสมัครเข้าร่วมแข่งขันกับโครงการ Pan Pacific Bangkok Walk 4 Women 2009 ได้ด้วยตนเองตามช่องทางต่าง ๆ อาทิ แผนกประชาสัมพันธ์ โรงแรมแพน แปซิฟิค กรุงเทพ 02-632-9000 ต่อ 4721 , บริษัทโกแอดเวนเจอร์เอเชีย 02-236-2931-32 www.walk4women.com หรือ www.goadventureasia.com

ธนาคารทหารไทยเปิดจองซื้อหุ้นกู้แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (AIS)7,500 ล้านบาทตั้งแต่วันที่ 20 ถึง 22 มกราคม ศกนี้


นางสาวอภิญญา จารุตระกูลชัย ผู้อำนวยการ ฝ่ายวาณิชธนกิจ ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) หรือ TMB BANK กล่าวว่าธนาคารทหารไทยได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ของ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) ร่วมกับ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) และธนาคาร ไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) โดยหุ้นกู้ดังกล่าวมีจำนวนรวมไม่เกิน 7,500 ล้านบาท ชุดที่ 1 อายุ 3.5 ปี อัตราดอกเบี้ย คงที่ 4.00% ต่อปี ใน 2.5 ปี แรก และ 5.00% ต่อปี สำหรับ 1 ปี ที่เหลือ ส่วนหุ้นกู้ชุดที่ 2 อายุ 5 ปี อัตราดอกเบี้ย คงที่ 4.00% ต่อปี ในปีที่ 1-2, 5.00% ต่อปี ในปีที่ 3-4 และ 6.00 % ต่อปี ในปีที่ 5 ทั้งนี้ หุ้นกู้ทั้ง 2 ชุด มีกำหนดจ่ายดอกเบี้ยปีละ 4 ครั้ง ราคาเสนอขาย 1,000 บาทต่อหน่วย กำหนดวงเงินจองซื้อขั้นต่ำตั้งแต่ 100,000 บาท

บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) เป็นผู้นำตลาดในธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ของไทย จากการมีฐานลูกค้าที่กว้างขวางและมีชื่อเสียงที่เป็นที่ยอมรับ ตลอดจนมีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง ทำให้บริษัทได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือในระดับ AA จากบริษัท ทริสเรทติ้งส์ จำกัด อีกทั้ง หากพิจารณาอัตราดอกเบี้ยที่ผู้ลงทุนจะได้รับก็ค่อนข้างเป็นผลตอบแทนที่น่าสนใจ จึงนับเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ผู้ลงทุนสามารถพิจารณาเพื่อเป็นการกระจายการลงทุน ทั้งนี้บริษัทจะนำเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ในครั้งนี้ไปใช้เป็นเงินทุนในการลงทุนขยายกิจการ และ /หรือ ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการประกอบธุรกิจและ/หรือทดแทนเงินกู้เดิมที่ครบกำหนดชำระ (Refinance)



สำหรับผู้สนใจสามารถติดต่อจองซื้อได้ที่ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) ทุกสาขา ตั้งแต่วันที่ 20 ถึง 22 มกราคม 2552 สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) ทุกสาขา หรือฝ่ายวาณิชธนกิจ โทร 02 242 3904 และ 02 242 3907

วันจันทร์ที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2552

SCIB ขยายเวลาโปรโมชั่นสินเชื่อเคหะดอกเบี้ยพิเศษคงที่ปีแรก 1.99% ต่อปี


ธนาคารนครหลวงไทยขยายเวลาโปรโมชั่นสินเชื่อเคหะอัตราดอกเบี้ยพิเศษคงที่ปีแรกเริ่มต้นเพียง 1.99% ต่อปี ทั้งบ้านใหม่และรีไฟแนนซ์จนถึงเดือนกุมภาพันธ์ 2552
นายชัยวัฒน์ อุทัยวรรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารนครหลวงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ธนาคารขยายเวลาโปรโมชั่นพิเศษ "สินเชื่อเคหะนครหลวงไทย" แก่ลูกค้ารายย่อยที่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัยสำหรับบ้านใหม่ในโครงการที่ธนาคารร่วมสนับสนุนหรือเป็นบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์หรือรีไฟแนนซ์ (Refinance) ดอกเบี้ยพิเศษ 2 ทางเลือก ได้แก่ ทางเลือกที่ 1 อัตราดอกเบี้ยคงที่ 1 ปี เท่ากับ 1.99% ต่อปี ปีที่ 2 เท่ากับ 5.50% ต่อปี หรืออัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี (MLR) ลบ 1.00% ต่อปี หลังจากนั้นคิดอัตราดอกเบี้ย MLR ลบ 1.00% ต่อปี ตลอดอายุสัญญา ทางเลือกที่ 2 อัตราดอกเบี้ยลอยตัว ปีที่ 1 อัตราดอกเบี้ย MLR ลบ 3.75% ต่อปี ปีที่ 2 คิดอัตรา MLR ลบ 2.75% ต่อปี หลังจากนั้นคิดอัตราดอกเบี้ย MLR ลบ 1.00% ต่อปี ตลอดอายุสัญญา ส่วนลูกค้าที่ขอกู้ในโครงการทั่วไปหรือบ้านมือสอง ปีแรกคิดอัตราดอกเบี้ยคงที่เท่ากับ 3.99% ต่อปี หลังจากนั้นคิดอัตราดอกเบี้ย MLR ลบ 0.5% ต่อปี ตลอดอายุสัญญา วงเงินกู้สูงสุดถึง 95% ของราคาประเมิน ระยะเวลาการกู้สูงสุด 30 ปี โดยสามารถเลือกรับเงื่อนไขอัตราดอกเบี้ยได้ถึงภายในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2552 เท่านั้น

ในปี 2552 ธนาคารตั้งเป้าปล่อยสินเชื่อเคหะสำหรับลูกค้ารายใหม่ประมาณ 1.5 หมื่นล้านบาท ซึ่งเท่ากับที่ทำได้ในปี 2551

วันศุกร์ที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2552

ขอนแก่นมาราธอนนานาชาติ ครั้งที่ 6 จัดยิ่งใหญ่ 25 ม.ค. 52


ชาวจังหวัดขอนแก่น จัดสนามระเบิดศึกวิ่งมาราธอนระดับโลก “ขอนแก่นมาราธอนนานาชาติ ครั้งที่ 6” วันอาทิตย์ที่ 25 ม.ค. 52 นี้ ชิงถ้วยพระราชทานถึง 6 ใบและเงินรางวัลกว่า 2 ล้านบาท
นายอภิสิทธิ์ รุจิเกียรติกำจร ในฐานะประธานคณะกรรมการจัดการแข่งขันขอนแก่นมาราธอนนานาชาติ ครั้งที่ 6 เป็นประธานแถลงข่าว "ขอนแก่นมาราธอนนานาชาติ ครั้งที่ 6” กิจกรรม "ขอนแก่นมาราธอนนานาชาติ" นั้น เป็นการผนึกกำลังของชาวจังหวัดขอนแก่น มหาวิทยาลัยขอนแก่น หน่วยงานภาครัฐและองค์กรเอกชน ในจังหวัดขอนแก่น ร่วมกันจัดขึ้นโดยมีผู้สนับสนุนหลัก คือ ปตท.และ สสส. ทั้งนี้เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนสนใจการออกกำลังกาย อีกทั้งสนับสนุนนักวิ่งเยาวชนไทยที่มีความสนใจสามารถพัฒนาการวิ่งของตนให้มีมาตรฐานในระดับนานาชาติ โดยใช้ขอนแก่นมาราธอนเป็นสนามเก็บเกี่ยวประสบการณ์แข่งขันวิ่งระดับสากล และได้รับการรับรองจากมาตรฐาน "AIMS" ซึ่งเป็นหน่วยงานที่รับรองมาตรฐานเส้นวิ่งระดับสากล
ส่วนรางวัลการแข่งขัน "ขอนแก่นมาราธอนนานาชาติ" ครั้งนี้ ผู้ชนะเลิศระยะมาราธอน ประเภททั่วไปชาย-หญิง อันดับ 1 เงินรางวัลคนละ 200,000 บาท พร้อมถ้วยพระราชทานพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว อันดับ 2 ได้คนละ 100,000 บาท อันดับ 3 ได้คนละ 60,000 บาท, ระยะฮาล์ฟมาราธอน ประเภททั่วไปชาย-หญิง อันดับ 1 เงินรางวัลคนละ 40,000 บาท พร้อมถ้วยพระราชทานสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ อันดับ 2 ได้คนละ 20,000 บาท อันดับ 3 ได้คนละ 12,000 บาท, ระยะมินิมาราธอน ประเภททั่วไปชาย-หญิง อันดับ 1 เงินรางวัลคนละ 10,000 บาท พร้อมถ้วยพระราชทานสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี อันดับ 2 ได้คนละ 6,000 บาท อันดับ 3 ได้คนละ 5,500 บาท และยังมีรางวัลประเภทกลุ่มอายุอีกหลายรางวัล ซึ่งรวมมูลค่ากว่า 2,000,000 บาท
สำหรับผู้ที่สนใจสามารถสมัครได้ที่ เคาน์เตอร์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา และธนาคาร ไทยพาณิชย์ ทุกสาขาทั่วประเทศ, สมาคมศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยขอนแก่น และ www.khonkaenmarathon.com หรือ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
โทร. 0-4320-2388-9, 0-4320-2750

วันพฤหัสบดีที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2552

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทาน ส.ค.ส.และพระราชทานพรปีใหม่แก่ประชาชนชาวไทย


เนื่องในวาระดิถีขึ้นปีใหม่ พุทธศักราช 2552 เวียนมาถึง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทาน ส.ค.ส.และพระราชทานพรปีใหม่แก่ประชาชนชาวไทย ทางสถานีโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจ เมื่อค่ำวันที่ 31 ธ.ค. 2551 ใจความว่า ประชาชนทั้งหลาย บัดนี้ถึงวาระจะขึ้นปีใหม่ เป็นเวลาที่เราควรระลึกถึงกันและอวยพรแก่กันด้วยความ ปรารถนาดี ก่อนอื่น ข้าพเจ้าต้องขอขอบใจทุกท่านเป็นอย่างมาก ที่ร่วมกันจัดงานพระศพพี่สาวข้าพเจ้าอย่างยิ่งใหญ่สมพระเกียรติ ทั้งอุตสาหะมาร่วมในงานเมื่อเดือนพฤศจิกายนด้วยใจภักดีและระลึกถึง กับขอส่งความปรารถนาดีมาอวยพรแก่ท่านทุกๆคนให้มีความสุขความเจริญ

ความสุขความเจริญนี้เป็นสิ่งที่พึงปรารถนาอย่างยิ่งของคนเรา แต่ความสุขความเจริญนั้น จะสำเร็จผลเป็นจริงได้ ก็ด้วยการที่ทุกคนตั้งตนอยู่ในความไม่ประมาท มีสติรู้ตัวและปัญญารู้คิดกำกับอยู่ตลอดเวลา กล่าวคือ ไม่ว่าจะประพฤติปฏิบัติการใด ก็ใช้สติปัญญาพิจารณาไตร่ตรองจนถ้วนถี่ ให้เห็นกระจ่างถึงผลดี ผลเสีย ทั้งใกล้ไกล ทุกแง่ทุกมุม ความรู้ความเข้าใจชัดถึงผลดีผลเสีย ย่อมจะทำให้แต่ละคนเล็งเห็นแนวทางปฏิบัติที่ถูกต้อง ว่าสิ่งใดควรละเว้นและสิ่งใดควรปฏิบัติ เพื่อให้บังเกิดผลเป็นประโยชน์ที่แท้จริงและยั่งยืน ทั้งแก่ส่วนตัวและส่วนรวม

ในปีใหม่นี้ จึงขอให้ประชาชนชาวไทยได้ตั้งตนอยู่ในความไม่ประมาท จะคิดจะทำสิ่งใด ให้คิดหน้าคิดหลังให้ดี ให้รอบคอบ ทำให้ดี ผลของการคิดดี ทำดีนั้นจะได้ส่งเสริมให้แต่ละคนประสบแต่ความสุขความเจริญและทำให้ชาติบ้านเมืองมีความเรียบร้อยและอยู่เย็นเป็นสุข ดังที่ทุกคนทุกฝ่ายตั้งใจปรารถนา

ขออานุภาพแห่งคุณพระศรีรัตนตรัย และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวไทยเราเคารพบูชา จงอภิบาลรักษาท่านทุกคน ให้ปราศจากทุกข์ ปราศจากโรค ปราศจากภัย ให้มีความสุขกาย สุขใจและความสำเร็จสมหวัง ตลอดศกหน้านี้โดยทั่วกัน

ส่วน ส.ค.ส.พระราชทาน ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในปี 2552 นี้ เป็นพระบรมฉายาลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในฉลองพระองค์สากลสีน้ำตาลอ่อน ผ้าปักพระกระเป๋าสีฟ้าสดใส ฉลองพระองค์ชั้นในเป็นเชิ้ตขาว ทรงผูกเนกไทสีฟ้าอ่อน ประทับบนพระเก้าอี้ ทรงฉายกับคุณทองแดง สุวรรณชาด ที่นั่งอยู่ข้างพระเก้าอี้และคุณนายแดง แม่ของคุณทองแดงที่หมอบเฝ้าอยู่อีกข้างหนึ่ง ฉากหลังของ ส.ค.ส. เป็นสนามหญ้าในบริเวณพระตำหนักจิตรลดารโหฐาน มีต้นไม้ใหญ่และต้นชวนชมดอกสีชมพู

มุมบนด้านซ้ายมีตราสัญลักษณ์ 2 ตราคือ ตราพระมหาพิชัยมงกุฎและผอบทอง ระหว่างตราสัญลักษณ์ทั้งสอง มีตัวหนังสือพิมพ์ด้วยสีเหลืองว่า ส.ค.ส. 2552 ใต้ลงมามีข้อความภาษาอังกฤษ Happy New Year 2009 มุมบนด้านขวา มีข้อความเป็นตัวหนังสือสีเหลืองว่า สวัสดี ปีใหม่ ขอจงมี...ความสุข....ความเจริญ ด้านล่างขวา

มีตัวเลขสีแดง ระบุวันเดือนปีที่ทรงฉายพระบรมฉายาลักษณ์ว่า 2008 12 17/17 : 11 กรอบของ ส.ค.ส.พระราชทานฉบับนี้ เป็นภาพหน้าคนเล็กๆเรียงกันด้านละ 3 แถว ทุกหน้ามีแต่รอยยิ้ม ในกรอบด้านล่าง มีข้อความ ก.ส.ปรุง 192231 ธ.ค. 51 พิมพ์ที่โรงพิมพ์สุวรรณชาด ท.พรหมบุตร ผู้พิมพ์ โฆษณา Printed at the Suvarnnachad publishing, D Bramaputra, Publisher