วันอังคารที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2550
น.ส.อังคณา ตรีรัตนาทิพย์ อายุ 22 ปี นักศึกษาชั้นปีที่ 4 คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ครองมงกุฎนางสาวไทยประจำปี 2550
น.ส.อังคณา ตรีรัตนาทิพย์ อายุ 22 ปี นักศึกษาชั้นปีที่ 4 คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จึงครองมงกุฎนางสาวไทยประจำปี 2550 ในการประกวดรอบตัดสิน ณ ศูนย์การประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี เมื่อคืนวันเสาร์ที่ผ่านมา รับรางวัลมูลค่ากว่า 4 ล้านบาท โดยก่อนหน้านี้ได้รับตำแหน่ง Miss Healthy, Miss Perfect และนางงามมิตรภาพ
ส่วนผู้รับตำแหน่งรองอันดับ 1 ได้แก่ น.ส.ภัทรา เทพหัสดิน ณ อยุธยา หรือ “น้องมีนา” อายุ 24 ปี จบปริญญาตรีด้านสื่อและการสื่อสาร มหาวิทยาลัยเมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย และรองอันดับ 2 น.ส.ชมพูนุช ลออวรรณากร หรือ “น้องน้ำผึ้ง” อายุ 20 ปี นักศึกษาชั้นปีที่ 3 คณะเทคโนโลยีและสารสนเทศ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง โดยน้องน้ำผึ้งแสดงความจำนงขอรับตำแหน่งนี้ เนื่องจากป่วยระหว่างการประกวดทำให้ไม่สามารถขึ้นเวทีในรอบ 3 คนสุดท้ายได้
“น้องอ้อ” นางสาวไทยประจำปีนี้ เปิดเผยว่า ระหว่างประกวดแอบหวังตำแหน่งนางสาวไทย ทว่าทุกอย่างไม่แน่นอน เมื่อได้รับรางวัลก่อนหน้านี้หลายรางวัล จึงอดคิดไม่ได้ว่าอาจพลาดมงกุฎนางสาวไทย ที่ได้ตำแหน่งคงเป็นเพราะบุคลิกภาพและความพร้อม โดยก่อนประกวดอ่านหนังสือหาความรู้รอบตัวตลอดเพื่อให้ตอบคำถามอย่างมั่นใจ สำหรับสิ่งแรกที่อยากทำคือไปเคารพศพบิดา ซึ่งเสียตั้งแต่ตนอายุ 10 ขวบ ขณะอยู่บนเวทีนึกถึงบิดาตลอด ขอให้ช่วยทำความฝันสำเร็จ เพราะบิดาทราบดีว่าอยากเป็นนางสาวไทย ส่วนเงินรางวัลที่ได้รับส่วนหนึ่งเก็บเป็นทุนการศึกษาระดับปริญญาโท ด้านเศรษฐศาสตร์ ที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยแล้ว อีกส่วนหนึ่งนำไปทำบุญให้บิดา และมอบให้องค์กรการกุศล
นางสาวไทยประจำปีนี้ เปิดเผยว่า ในวัยเด็กนอกจากฝันอยากเป็นนางสาวไทยแล้ว ยังมีความฝันเป็นนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของประเทศไทย แต่เมื่อโตขึ้นจึงรู้ว่าเป็นเรื่องที่ยาก จึงเปลี่ยนความคิดเป็นอาจารย์แทน ก่อนหน้านี้เคยเข้าประกวดมิสคังเซนเคนโกในปี 2549 และได้รับตำแหน่งมิสคังเซนเคนโก,ขวัญใจช่างภาพ และนางงามผิวสวย รวมทั้งเข้าประกวดมิสไทยแลนด์ยูนิเวิร์ส ประจำปี 2549 ผ่านเข้ารอบ 44 คนสุดท้าย ทุกครั้งที่ประกวดมารดาให้การสนับสนุนด้วยดี สำหรับอนาคตหากมีโอกาสเข้าวงการบันเทิงอยากทำงานด้านเดินแบบ
“การเป็นนางสาวไทยนอกจากความสวยแล้ว ความรู้และไหวพริบในการตอบคำถามมีส่วนสำคัญ เชื่อว่าเพื่อนทุกคนสามารถตอบคำถามได้หมด อยู่ที่ว่าใครสามารถควบคุมตัวเองไม่ให้ตื่นเต้นได้ดีกว่ากัน บอกตัวเองเสมอว่าต้องทำได้ ทำให้ดีที่สุด เป็นการสร้างความมั่นใจให้กับตัวเอง ส่วนเรื่องหัวใจยังไม่มีใครมาจีบ ไม่ได้วางสเปกผู้ชายไว้ ขอแค่เข้ากันได้ และมีความเข้าใจกันก็พอ คติที่ยึดอยู่ในใจคือ คิดดี ทำดี รักและให้อภัยคนอื่น”
วันจันทร์ที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2550
น้กร้องสาวบี ยอนเฃ่ ถึงไทยแล้ว
วันอาทิตย์ที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2550
เจมส์ เฮนเดอร์สัน กรรมการผู้จัดการประจำภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิค บริษัท ฟูจิซีร็อกซ์ พรินเตอร์ ฉลอง 30ปีแห่งความสำเร็จ
เจมส์ เฮนเดอร์สัน กรรมการผู้จัดการประจำภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิค บริษัท ฟูจิซีร็อกซ์ พรินเตอร์ กล่าวว่า บริษัทฯ พัฒนาเครื่องพิมพ์เลเซอร์อย่างต่อเนื่อง และได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากคู่ค้า ทำให้ ฟูจิซีร็อกซ์ พรินเตอร์ ในประเทศไทยมีอัตราการเติบโตเพิ่มมากขึ้น เห็นได้จากยอดขายเครื่องพิมพ์เลเซอร์และเครื่องพิมพ์มัลติฟังก์ชั่นเฉพาะไตรมาส 2 ของบริษัทฯ ที่ผ่านมากว่า 9,000 เครื่อง คิดเป็นอัตราการเติบโตมากกว่า 85% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปี 2549
กก.ผจก.ประจำภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิค บ.ฟูจิซีร็อกซ์ฯ กล่าวต่อว่า จากผลงานที่ผ่านมานับเป็นเครื่องยืนยันถึงความสำเร็จของฟูจิซีร็อกซ์ฯ ในฐานะองค์กรธุรกิจด้านเครื่องพิมพ์เลเซอร์ที่เติบโตเร็วที่สุด ทั้งในประเทศไทยและภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิค โดยปี 2550 นี้บริษัทฯ ยังเน้นกลยุทธ์ “Customer First” เพื่อย้ำถึงความสำเร็จในการเข้าถึง ความต้องการของลูกค้าอย่างสม่ำเสมอ พร้อมทั้งในปีนี้บริษัทฯ ได้เปิดตัวเครื่องพิมพ์เลเซอร์กว่า 10 รุ่น อาทิ DocuPrint C2100/C3210DX, DocuPrint C3055DX, DocuPrint 2065/3055, Phaser 4510, DocuPrint C2090FS ฯลฯ โดยที่ผ่านมาล้วนได้รับการตอบรับที่ดี จากลูกค้าในเรื่องของคุณภาพการพิมพ์
นายเฮนเดอร์สัน กล่าวอีกว่า จากรายงานของไอดีซี เกี่ยวกับยอดขายเครื่องพิมพ์มัลติฟังก์ชั่น (MFP) รายไตรมาสในเอเชีย-แปซิฟิค ระบุว่า ตลาดเครื่องพิมพ์มัลติฟังก์ชั่นรวมเติบโต 28% เมื่อเทียบกับปี 2548 ยอดขายทั้งหมดอยู่ที่ 8.1 ล้านเครื่องในปี 2549 ทั้งนี้ ยอดขายเครื่องพิมพ์มัลติฟังก์ชั่นแบบเลเซอร์เติบโตในอัตราที่สูงถึง 46% เมื่อเทียบกับปี 2548 โดยมียอดขายสูงกว่า 2 ล้านเครื่องในปี 2549 ส่วนตลาดเครื่องพิมพ์มัลติฟังก์ชั่นแบบสีคิดเป็นสัดส่วน 5% ของยอดจำหน่ายเครื่องพิมพ์มัลติฟังก์ชั่นแบบเลเซอร์ทั้งหมดในปี 2549 และคาดว่าสัดส่วนดังกล่าวจะเพิ่มเป็น 9% ภายในปี 2554
“บริษัทฯ ตระหนักและเล็งเห็นถึงความสำคัญต่อสิ่งแวดล้อม รวมทั้งมุ่งมั่นต่อการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม เป็นตัวอย่างหนึ่งของเรื่องนี้ คือ การพัฒนาและจัดจำหน่ายเทคโนโลยี “โซลิดอิงค์” (Solid Ink) ที่ช่วยลดปริมาณการใช้วัสดุสิ้นเปลืองได้มาก ทั้งยังขจัดการใช้ตลับหมึก ลดปริมาณขยะจากเศษวัสดุสิ้นเปลืองได้ถึง 90% ตลอดอายุการใช้งานของผลิตภัณฑ์ และทั้งนี้เครื่องพิมพ์ทุกรุ่นยังได้รับเครื่องหมายรับรอง Energy Star โดยเป็นมาตรฐานสากลสำหรับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ที่ประหยัดพลังงาน รวมถึงผลิตภัณฑ์ที่ใช้พลังงานน้อยกว่า ประหยัดค่าใช้จ่าย และช่วยปกป้องสิ่งแวดล้อม” กก.ผจก.ประจำภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิค บ.ฟูจิซีร็อกซ์ฯ กล่า ว
ด้าน นายรังสรรค์ นรัจฉริยางกูร ผู้จัดการประจำเทศไทย ฟูจิซีร็อกซ์ พรินเตอร์ กล่าวว่า ประเทศไทยมียอดขายในครึ่งแรกปี 2550 ทั้งเครื่องเลเซอร์ขาวดำและสีคิดเป็นอัตราส่วน 11% ของมูลค่าตลาดรวม การทุ่มเทความพยายามไปเต็มที่ไปกับการตลาด การสร้างแบรนด์ และการพัฒนาช่องทางจัดจำหน่าย และการได้มอบคุณประโยชน์ที่เหนือกว่า ให้แก่ลูกค้าด้วยการนำเสนอเทคโนโลยีการพิมพ์ที่ก้าวล้ำ ทำให้ผลประกอบการของบรษัทฯ สูงเกินกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ในปีนี้ และเชื่อมั่นว่าจะขยายธุรกิจให้เติบโตได้ต่อเนื่อง และสร้างผลประกอบการที่ดีเยี่ยมในปี 2551
รายงานข่าวแจ้งว่า รายงานล่าสุดของไอดีซี ระบุว่า ตลาดเครื่องพิมพ์เลเซอร์มัลติฟังก์ชั่นทั้งสีและขาว-ดำ ของประเทศไทย ช่วงครึ่งปีแรกของปี 2550 โดยรวมเติบโต 25% เทียบกับครึ่งปี 2549 โดยยอดขายทั้งหมดอยู่ที่ 29,700 เครื่อง เครื่องพิมพ์มัลติฟังก์ชั่นแบบสีคิดเป็นสัดส่วน 2.6% ของยอดจำหน่ายเครื่องพิมพ์มัลติฟังก์ชั่นแบบเลเซอร์ทั้งหมดในครึ่งปี 2550 ส่วนฟูจิซีร็อกซ์ฯ ตั้งเป้ายอดขายไว้ประมาณ 30,000 เครื่องในปีนี้ หรือมีการเติบโตเมื่อเทียบกีบปีก่อน 50% สำหรับส่วนแบ่งการตลาดล่าสุด ในกลุ่มเลเซอร์ พริ้นเตอร์ขาวดำมีส่วนแบ่ง 9.9% และเครื่องพิมพ์เลเซอร์สีมีส่วนแบ่งการตลอดอยุ่ประมาณ 9.7% รวมแล้วมียอดขาย 19,000 เครื่อง
วันเสาร์ที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2550
"ท่านผู้หญิงจงกล กิตติขจร" พร้อมด้วย"สุวิทย์ ยอดมณี"เดินทางเข้าลงนามถวายพระพร"
"ท่านผู้หญิงจงกล กิตติขจร" พร้อมด้วย"สุวิทย์ ยอดมณี"เดินทางเข้าลงนามถวายพระพร"ในหลวง-พระพี่นางฯ"ที่รพ.ศิริราช ขณะที่บรรยากาศทั่วไป ประชาชนยังหลั่งใหลมาลงนามถวายพระพรไม่ขาดสาย ขณะที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้นำกำลังนักเรียนนายร้อยตำรวจ 120นาย มาช่วยดูแลความปลอดภัยภายในโรงพยาบาลด้วย
ดร.สุวิทย์ ยอดมณี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา พร้อมครอบครัวได้เดินทางมาลงนามถวายพระพรพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ครอบครัว ณ ศาลาศิริราช 100 ปี พร้อมให้สัมภาษณ์ว่าเมื่อทราบว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระอาการดีขึ้นแล้วก็รู้สึก ส่วนพระอาการประชวรของพระพี่นางฯ แม้จะรู้จากแถลงการณ์ว่าท่านดีขึ้นแล้วแต่ก็ยังคงเป็นห่วง และยังตั้งจิตอธิษฐานพร้อมพยายามตั้งใจน้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวายกำลังใจให้ท่านหายเร็วๆ
ท่านผู้หญิงจงกล กิตติขจร ภริยาจอมพลถนอม กิตติขจร อดีตนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รู้สึกเป็นห่วงในพระอาการแม้ว่าจะทราบว่าพระอาการทรงดีขึ้นแล้วแต่ก็ยังอดเป็นห่วงไม่ได้ ทั้งนี้เคยมีโอกาสถวายงานใต้เบื้องพระยุคลบาททำให้ทราบว่าพระองค์ทรงงานหนักมาก โดยเฉพาะการเสด็จทรงงานต่างจังหวัดซึ่งพระองค์เสด็จเป็นประจำ ดังนั้น ตนจึงขอถวายพระพรให้พระอาการเป็นปรกติโดยเร็ว
ด้านพล.ต.ท.พงศพัศ พงษ์เจริญ ผู้ช่วยผู้บัญชาตำรวจ ในฐานะโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า วันนี้ได้นำนักเรียนนายร้อยตำรวจชั้นปีที่ 3 จำนวน 120 นาย มาช่วยเสริมกำลังการทำงานให้เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ดูแลความเรียบร้อยในโรงพยาบาลศิริราชโดยเสริมกำลังในจุดล่อแหลมใหญ่ได้แก่ จุดลงนามถวายพระพร และจุดแจกอาหาร จำนวน 4 จุด แบ่งกำลังออกเป็น 3 ผลัด ๆละ 40 นาย โดยมีการแจกจ่ายภาพผู้ต้องสงสัยก่อเหตุล้วงกระเป๋าไปยังเจ้าหน้าที่ประจำจุดต่างๆ เพื่อให้ช่วยกันจับตามอง
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า บรรยากาศในศาลาศิริราช 100 ปีบางตาลงเล็กน้อยแต่บริเวณลานพระราชนุสาวรีย์สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนกยังแน่นไปด้วยคลื่นมหาชนสีเหลือง ที่จุดธูป-เทียน สักการะพร้อมอธิษฐานขอพรให้ทั้ง 2 พระองค์หายประชวรในเร็ววัน
น.ส.ภัทรา เทพหัสดิน ณ อยุธยา หรือน้องมีนา คว้ารางวัลนางงามผิวสวย
วันศุกร์ที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2550
'ครีม' ยังไม่เข็ดไฮโซ เซ็งมีแต่ 'เจ้าชู้-ไม่โสด' มาจีบ
หลายเดือนที่ผ่านมาถือว่าเป็นช่วงชีวิตพลิกผันของนางเอกสาว ครีม-เปรมสินี รัตนโสภา เลยทีเดียว เลิกกับแฟนหนุ่ม เจตน์ โสภิษฐ์พงศธร แถมยังย้ายวิกหากินมาเล่นละครช่อง 7 ประเดิมด้วยละคร “ตุ๊กตาเริงระบำ” เจอหน้า น้องครีม ล่าสุดขออัพเดตเรื่องความรักหน่อย มีหนุ่มไหนมาเสียบแทน หนุ่มเจตน์ หรือยัง? “ยังไม่มีใครเลยจริงๆยังคิดอยู่ว่าคงไม่มีคนมีบุญมาอยู่กับเรา (หัวเราะ) เปล่าค่ะ ครีมพูดเล่น” เข็ดมั้ยไฮโซ? “ไม่เข็ด และเราไม่เอามารวมกัน คนเราไม่เหมือนกัน กับพี่เค้าก็เจอกันบ้างตามงาน ก็คุยกัน แต่ความเป็นไปได้ที่จะรีเทิร์นไม่มีค่ะ เขาก็มีความสุขดีอยู่แล้ว” ไม่มีใครยังงี้เหงามั้ย? “ก็เหงาบ้าง โชคดีที่มีเพื่อนและตอนนี้ทำงานเยอะ ครีมเริ่มกลับมาเดินแบบบ้าง จะมีงานเยอะเลยไม่คิดอะไร” ทำให้ความรักครั้งต่อไปต้องเลือกมากขึ้นหรือเปล่า? “คงมองมากขึ้น ที่ผ่านมาก็มอง แต่คงต้องนานกว่าเดิมก็พอมีคนเข้ามาบ้างไม่ถึงกับไม่มีเลย แต่ยังไม่ถูกใจ ไม่ได้เลือกมาก เพราะที่เข้ามาเหมือนกับจะเจ้าชู้ หรือไม่ก็มีเจ้าของอยู่แล้ว เลยไม่เอาดีกว่า อยู่ยังงี้ดีกว่า พูดถึงก็มีพ่อแนะนำลูกเพื่อนเหมือนกัน แต่ถ้าให้เลือกครีมไม่เอาเลย ถ้ามีแนะนำให้เนี่ย แค่รู้ก็ขำแล้ว คนรู้จักใกล้ตัวกันด้วยไม่เอาดีกว่ากลัว! ครีมอยากเลือกเอง แต่ไม่มีเข้ามาให้เลือก เพราะคนที่เข้ามาก็มีแฟนหมดแล้ว แม่เองก็ไม่อยากให้แต่งงานด้วยซ้ำ ยิ่งถ้าอยู่คนเดียวอย่างนี้ไปตลอดแม่ยิ่งชอบเลยค่ะ”.
วันพุธที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2550
สำนักพระราชวังออกแถลงการณ์ฉบับที่ 12
เมื่อเวลา 17.33 น. สำนักพระราชวังออกแถลงการณ์ฉบับที่ 12 ว่า ความว่า คณะแพทย์ผู้ถวายการรักษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้รายงานผลของการตรวจพระโลหิตว่า การอักเสบของพระอันตะ (ลำไส้ใหญ่) ทุเลาลงอีก คณะแพทย์จึงขอพระราชทานให้เสวยพระกระยาหารได้หลากหลายชนิดขึ้น พระอาการทั่วไปดี จึงขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกัน
วันพฤหัสบดีที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2550
สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ โปรดเกล้าฯ ให้ท่านผู้หญิงอรนุช อิศรางกูร ณ อยุธยา นางสนองพระโอษฐ์ในสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ นำอาหารพระราชท
สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ โปรดเกล้าฯ ให้ท่านผู้หญิงอรนุช อิศรางกูร ณ อยุธยา นางสนองพระโอษฐ์ในสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ นำอาหารพระราชทานจากมามอบให้สื่อมวลชนและข้าราชการ
ท่านผู้หญิงอรนุช กล่าวว่า วันนี้ได้นำอาหารพระราชทานมามอบให้แก่เจ้าหน้าที่ข้าราชการและสื่อมวลชนที่มาถวายงาน ในบริเวณอาคารเฉลิมพระเกียรติ และอาคารศาลาศิริราช 100 ปี โดยสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงตรวจสอบรสชาติอาหารที่พระราชทานทุกมื้อด้วยพระองค์เอง พร้อมรับสั่งให้เพิ่มอาหารให้เพียงพอในทุกๆ วัน และมีพระราชเสาวนีย์ ว่า ให้เพิ่มสารอาหารโปรตีนให้เพียงพอในอาหารพระราชทานทุกมื้อ
ทั้งนี้ พระมหากรุณาธิคุณดังกล่าวยังความปลาบปลื้มแก่สื่อมวลชนทุกคนที่ได้รับพระราชทานอาหาร
ท่านผู้หญิงอรนุช กล่าวว่า วันนี้ได้นำอาหารพระราชทานมามอบให้แก่เจ้าหน้าที่ข้าราชการและสื่อมวลชนที่มาถวายงาน ในบริเวณอาคารเฉลิมพระเกียรติ และอาคารศาลาศิริราช 100 ปี โดยสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงตรวจสอบรสชาติอาหารที่พระราชทานทุกมื้อด้วยพระองค์เอง พร้อมรับสั่งให้เพิ่มอาหารให้เพียงพอในทุกๆ วัน และมีพระราชเสาวนีย์ ว่า ให้เพิ่มสารอาหารโปรตีนให้เพียงพอในอาหารพระราชทานทุกมื้อ
ทั้งนี้ พระมหากรุณาธิคุณดังกล่าวยังความปลาบปลื้มแก่สื่อมวลชนทุกคนที่ได้รับพระราชทานอาหาร
วันพุธที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2550
วุ้นเส้นตราเกษตรขึ้นราคา10%
วุ้นเส้นตราเกษตรขึ้นราคา10%
นายสมฤกษ์ ตั้งพิรุฬ์ธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยฮาฯ ผู้ผลิตและจำหน่ายข้าวขาวหอมมะลิบรรจุถุง และธัญพืช สินค้าเกษตรแปรรูปประเภทผลิตภัณฑ์วุ้นเส้น และน้ำส้มสายชู ภายใต้ชื่อตรา “เกษตร” เปิดเผยว่า ตั้งแต่ไตรมาสที่ 3 บริษัทได้ปรับขึ้นราคาขายสินค้าวุ้นเส้น 10% โดยขายที่หีบละ 1,000 บาท จากเดิมที่ขายหีบละ 900 บาท เพราะได้รับผลกระทบจากต้นทุนวัตถุดิบที่สูงขึ้น 25-30% แต่บริษัทได้สต๊อกวัตถุดิบจำนวนมากเพื่อให้รองรับการผลิตจนถึงสิ้นปีนี้แล้ว อย่างไรก็ตาม การปรับขึ้นราคาสินค้าในครั้งนี้ยังไม่ถึงเพดานที่ภาครัฐกำหนดไว้ ส่วนราคาสินค้าอื่น ๆ ทั้งข้าวหอมมะลิ และอาหารสำเร็จรูปยังไม่มีแผนปรับขึ้นราคาแต่อย่างใด.
นายสมฤกษ์ ตั้งพิรุฬ์ธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยฮาฯ ผู้ผลิตและจำหน่ายข้าวขาวหอมมะลิบรรจุถุง และธัญพืช สินค้าเกษตรแปรรูปประเภทผลิตภัณฑ์วุ้นเส้น และน้ำส้มสายชู ภายใต้ชื่อตรา “เกษตร” เปิดเผยว่า ตั้งแต่ไตรมาสที่ 3 บริษัทได้ปรับขึ้นราคาขายสินค้าวุ้นเส้น 10% โดยขายที่หีบละ 1,000 บาท จากเดิมที่ขายหีบละ 900 บาท เพราะได้รับผลกระทบจากต้นทุนวัตถุดิบที่สูงขึ้น 25-30% แต่บริษัทได้สต๊อกวัตถุดิบจำนวนมากเพื่อให้รองรับการผลิตจนถึงสิ้นปีนี้แล้ว อย่างไรก็ตาม การปรับขึ้นราคาสินค้าในครั้งนี้ยังไม่ถึงเพดานที่ภาครัฐกำหนดไว้ ส่วนราคาสินค้าอื่น ๆ ทั้งข้าวหอมมะลิ และอาหารสำเร็จรูปยังไม่มีแผนปรับขึ้นราคาแต่อย่างใด.
เขตต์ ฐานทัพ กับ จั๊กจั่น-อคัมย์สิริ สุวรรณศุข หวานปานประหนึ่งคู่รักบินไปดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์กัน
เพิ่งจะกลับจากควงคู่บินเงียบไปฮันนีมูน เอ๊ยถ่ายแฟชั่นให้นิตยสาร “อันนีมูน แอนด์ ทราเวล” ที่หมู่เกาะมัลดีฟไม่ทันไร ก็มีข่าวเล็ดรอดออกมาจากทีมงาน ที่เก็บมาเม้าท์กันให้หึ่งถึงอาการสวีตของพระนางต่างวิก เขตต์ ฐานทัพ กับ จั๊กจั่น-อคัมย์สิริ สุวรรณศุข ซึ่งทำท่าว่าจะอินกับชื่อหนังสือ เลยหวานปานประหนึ่งคู่รักบินไปดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์กัน เมื่อสืบรู้มาก็เก็บความอัดอั้นไว้อยู่ เอาเป็นว่าไปถาม เขตต์ ดีกว่าว่าไง? “ผมไปกับจั่นจริงครับ เราไม่ได้รู้จักกันมาก่อนก็เพิ่งจะรู้จักตอนไปถ่ายแฟชั่นนี่แหละ ที่ผมตอบตกลงไปถ่ายเพราะอยากไปเที่ยวมัลดีฟ และตอนนั้นก็ถ่ายละครจบพอดี เลยถือโอกาสไปพักผ่อน” ปกติหนังสือนี้ ดาราที่ไปถ่ายด้วยกันจะเป็นคู่รักกันนะ “ผมไม่รู้คอนเซปต์นะ แต่อาจจะเป็นงานที่ดิวกันและจังหวะของแต่ละคนมากกว่า เท่าที่ผมคุยกับจั่นเขาก็ยังไม่เคยไปมัลดีฟเลย ส่วนผมไปเป็นครั้งที่สอง” แล้วสนิทกันมั้ย? “ไม่ถึงขั้นนั้น แต่ก็มีการพูดคุยเพราะต้องทำงานด้วยกันอยู่ที่โน่น 2-3 วัน คุยกันบ้าง น้องเค้าก็โอเค นิสัยดี จิตใจดี แต่มาเป็นข่าวด้วยกันนี่งงๆนะ ผมยังไม่เห็นข่าวเลย แต่ไม่ซีเรียส มันเป็นความบริสุทธิ์ใจ ถ้าเราบริสุทธิ์ใจก็จะไม่ซีเรียสกับข่าว” แหม ต่างคนต่างอกหักมาเจอกันยังงี้มีลุ้นมั้ย? “(หัวเราะ) ถ้าชั่วโมงนี้ไม่มีนะ ถามว่ารู้สึกยังไงที่ได้ร่วมงานกันล่ะก็ ประทับใจครับ แต่ โอกาสที่จะมาใกล้ชิดกันมันไม่อยู่แล้ว ทำงานคนละช่องกันเลย” แฟชั่นที่ถ่ายมีสวีตๆกันมั้ย? “ก็มันเป็นธรรมดาของการโพสถ่ายแฟชั่นต้องมีบ้างครับ” สำหรับ จั๊กจั่น เนี่ยถือว่าตรงสเปกมั้ย? “ผมเป็นคนชอบผู้หญิงเรียบร้อย สเปกไม่มีเท่าไหร่” แล้วจั่นล่ะโดนใจบ้างมั้ย? “อย่างที่บอกเค้าเป็นคนนิสัยดี จิตใจดี แต่เป็นสเปกมั้ยตรงนี้ผมไม่ตอบดีกว่าว่าใช่สเปกหรือไม่ใช่” นึกว่าเขตต์จะเข็ดกับความรักซะแล้ว? “ไม่ใช่เข็ด แต่ด้วยความที่เราโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว ทำอะไรต้องคิดเยอะครับ” ที่ยังไม่มีใครเนี่ย ทุกคนจะมองว่าเพราะเขตต์รอนุ่น? “โอ๊ย (ร้องเสียงหลง) ไม่รู้สิ คงไม่หรอก มันเป็นเรื่องอนาคตผมตอบอะไรไม่ได้”.
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)